12 Apr ขับรถเที่ยวเที่ยวเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอนทางภาคเหนือของไทย
ฉันฝันถึงการได้ขับรถเที่ยวเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอนมานานแล้ว ที่จริงมันเกิดขึ้นตั้งแต่ฉันได้มาปายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2562 ตอนนั้นฉันเห็นรูปของไร่ชา, บ้านสไตล์จีนและทะเลสาป ที่เข้าไปตราตรึงอยู่ในใจของฉันทันที ทำให้ฉันตัดสินใจว่าฉันจะต้องกลับมาอีกเพื่อที่จะไปที่นั่น ที่นั่นคือจังหวัดแม่ฮ่องสอนและฉันกำลังจะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ฮ่องสอนให้คุณฟัง
หลังจากนั้นหนึ่งปี ด้วยความที่วิกฤติโควิดกำลังระบาดหนัก ทำให้ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศ มันเป็นช่วงเทศกาลลอยกระทงและช่วงเวลานี้เป็นช่วงโอกาสที่หาได้ยากในการชมการเฉลิมฉลองแบบที่ไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนที่มากแบบมืดฟ้ามัวดิน เชียงใหม่นั้นมีชื่อเสียงเกี่ยวกับเทศกาลลอยกระทงอย่างมาก คุณไม่ควรพลาดถ้ามีโอาสได้มา
จากจุดนั้นเองทำให้เราตัดสินใจไปเที่ยวทางเหนือสุดของภาคเหนือของไทยด้วยเส้นทางที่เเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักบิด เส้นทางนั้นคือเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอน แต่เราได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อยเพราะมีบางแห่งที่เราเคยไปมาแล้ว
แผนการเดินทางจากเชียงใหม่สู่แม่ฮ่องสอน
เราตัดสินใจใช้เวลาเที่ยวมากกว่าหนึ่งอาทิตย์ แผนที่วางไว้คือ เที่ยวเทศกาลลอยกระทงที่เชียงใหม่จากนั้นมุ่งหน้าไปปาย ใช้เวลาที่ปายหนึ่งวันเพื่อไปเที่ยวตามบ่อน้ำพุร้อนต่างๆแล้ว จากนั้นเดินทางต่อไปที่แม่ฮ่องสอนพร้อมกับแวะเที่ยวถ้ำน้ำลอดที่อยู่ระหว่างทาง
จากแม่ฮ่องสอน เราเลยไปเที่ยวที่บ้านรักไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ติดกับชายแดนไทย-พม่า จากบ้านรักไทยเราก็เดินทางกลับมายังเชียงใหม่ และแวะค้างคืนที่ปายอีกหนึ่งคืน
นี่คือแผนการเที่ยวทั้ง 8 วันของเรา
เชียงใหม่ > ปาย > ถ้ำน้ำลอด > แม่ฮ่องสอน > ปางอุ๋ง > บ้านรักไทย > บ่อน้ำพุร้อนทรายงาม > ปาย > เชียงใหม่
เส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอน
ถ้าคุณอยากเที่ยวตามเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอนเต็มๆละก็ นี่คือแผนการเดินทางทั้งหมด:
เชียงใหม่ > ปาย > ถ้ำน้ำลอด > บ้านรักไทย > ปางอุ๋ง > แม่ฮ่องสอน > ขุนยวม/แม่สะเรียง > ดอยอินทนนท์ > เชียงใหม่
คุณอาจต้องใช่เวลา 8-10 วันเพื่อจะเที่ยวให้ได้ครบตามแผนโดยที่ตารางไม่อัดแน่นเกินไป ฉันจะพูดถึงทุกที่ในบล็อกนี้ เพราะฉะนั้นก็ขอให้รออ่านต่อไป
การเที่ยวตามเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอน
เอาละ ถึงฉันจะเหมาเอาว่าคุณอยากเช่ารถสักคันสำหรับการเดินทางเส้นทางนี้ แต่คุณก็สามารถใช้บริการรถสาธารณะในการเดินทางได้
สาเหตุที่ฉันอยากเน้นย้ำให้คุณคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับการเลือกวิธีการเดินทางนั่นก็เพราะถนนตลอดทั้งเส้นทางนี้มีโค้งมากมายกว่า 2,000 โค้ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโค้งรัศมีสั้นอีกนับสิบๆโค้งอีกด้วย
และการขับรถบนเส้นทางแบบนี้นั้นอันตรายมาก
เพราะฉะนั้นถ้าคุณคุ้นเคยกับการขับรถตามสภาพภูมิประเทศแบบภูเขาแล้วละก็ คุณก็ขับรถที่นี่ได้อย่างไม่มีปัญหา นั้นหมายรวมถึงการขับรถทั้งมอเตอร์ไซต์และรถยนต์ แต่ถ้าหากมีแม้เสี้ยวความคิดที่ยังลังเล ขอให้คุณใช้บริการรถสาธารณะจะดีกว่า
รถมอเตอร์ไซต์: เราเดินทางด้วยมอเตอร์ไซต์ คุณสามารถนำรถของคุณไปเองหรือไปเช่าได้ในเชียงใหม่ เราเช่าฮอนด้าคลิ๊กไอ 125ซีซี สำหรับไว้ขับเที่ยวเชียงใหม่ มีร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในเชียงใหม่อยู่หลายสิบร้านแต่คุณควรหารถคันที่เบรกและมีสภาพล้อดีๆก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกเช่า
เราเช่ามอเตอร์ไซต์ของเราจากร้านตะวันไบท์ที่อยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ทางร้านรับประกันว่ารถทุกคันได้รับการซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นรถมอเตอร์ไซต์ที่นี่จึงอยู่ในสภาพเยี่ยมเหมาะกับการขับขึ้นเขา ค่าเช่าของที่นี่อยู่ที่ 250 บาทต่อวัน นอกจากนั้นทางร้านยังเปลี่ยนหมวกกันน็อคที่ตกแต่งสวยงามไปเป็นแบบที่สวมใส่เพื่อความปลอดภัยให้ด้วย นอกจากร้านนี้คุณสามารถลองแวะไปดูร้าน catmotors.com ที่มีบริการรับเช่าทางออนไลน์ได้ด้วย
คุณต้องบอกที่ร้านด้วยหากคุณต้องการขับรถออกไปนอกเชียงใหม่เพราะบางร้านอาจไม่อนุญาตให้นำรถออกไปได้ เพราะฉะนั้นหาร้านที่คุณสามารถทำได้ ร้านเช่าส่วนมากเรียกเก็บเอกสารสำคัญไว้เพื่อความปลอดภัย
รถยนต์หรือขับรถเอง: คุณสามารถเลือกใช้รถยนต์ได้ถ้าหากคุณไปกันหลายคน, ไปกับครอบครัว หรือเพียงเพราะความสะดวกสบาย แน่นอนว่าคุณต้องมีความสามารถในการขับรถชั้นเยี่ยมด้วย คุณสามารถขับรถยนต์ของคุณไปเองหรือไปหาเช่าในเชียงใหม่ได้ (ที่สนามบินหรือตัวเมืองเชียงใหม่)
ฉันคิดว่าการขับรถยนต์เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมหากคุณอยากแคมปิ้งในประเทศไทย ทางภาคเหนือของไทยนั้นมีอุทยานแห่งชาติที่สมบูรณ์และวิวที่สวยงามระดับโลก คุณไม่ต้องเร่งรีบ ขนข้าวของที่จำเป็นเช่นเต้นท์และอาหาร แล้วเที่ยวไปรอบๆภาคเหนือของไทยหลายๆอาทิตย์แบบค่ำไหนนอนนั่น
อีกทั้งรถยนต์ยังเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณเดินทางในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูฝน คุณสามารถเช่ารถยนต์ทางออนไลน์ได้ในเชียงใหม่ที่ kayak.com หรือ chiangmaiwheels.com ค่าเช่าหนึ่งวันเริ่มตั้งแต่ 1,000 บาทหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่ขับชนิดและประเภทของรถยนต์
บริการรถสาธารณะ: หากคุณใช้บริการรถสาธารณะ คุณจะต้อวางแผนการเดินทางเพิ่มจากปกติ ถึงปกติจะมีรถให้บริการเชื่อมถึงแต่ละอำเภออย่างเพียงพอ แต่บางครั้งก็อาจมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้ คุณยิ่งจะต้องวางแผนดีๆถ้าคุณอยากจะแวะที่ไหนก็ตามที่อยู่ระหว่างทางเช่น แวะถ้ำน้ำลอดหรือถ้ำปลา
จากสถานีขนส่งเชียงใหม่ คุณสามารถนั่งรถตู้โดยสารขนาดเล็กเพื่อไปยังปายหรือแม่ฮ่องสอนได้ง่ายๆ ไปปายใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมง และไปแม่ฮ่องสอนใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง คุณยังสามารถนั่งรถตู้โดยสารขนาดเล็กจากปายไปแม่ฮ่องสอน, จากแม่ฮ่องสอนไปแม่สะเรียง และจากแม่สะเรียงไปเชียงใหม่ได้ด้วย แต่ไม่มีบริการรถสาธารณะบนดอยอินทนนท์ เพราะฉะนั้นคุณต้องไปที่ดอยอินทนนท์ด้วยการซื้อทัวร์แบบวันเดย์ทริปจากเชียงใหม่ (อ่านด้านล่าง)
ในช่วงฤดูท่องเที่ยว คุณอาจจะต้องรอคิวเพื่อที่จะได้ที่นั่งบนรถ แต่ในขณะที่ในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว เที่ยวรถจะถูกลดจำนวนลง เส้นทางนี้ไม่มีรถโดยสารให้บริการเพราะฉะนั้นคุณต้องนั่งรถตู้โดยสารขนาดเล็กเท่านั้น
สำหรับหมู่บ้านเล็กๆอย่างบ้านรักไทยนั้น คุณสามารถนั่งรถสองแถวจากใจกลางเมืองไปได้ ค่ารถอาจค่อนข้างสูงและไม่มีราคาที่เป็นมาตรฐานแต่คุณมั่นใจได้ว่าจะปอดภัยและไม่มีทางหลง
คุณสามารถซื้อตั๋วรถที่เคาเตอร์ได้เลย หรือสามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ที่ 12go.asia หรือ busonlineticket.com ด้วย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดหรับการเที่ยวในเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอน
เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับการเที่ยวของคุณ ช่วงเวลาที่เหมาะสามารถทำให้การเที่ยวนั้นน่าจดจำไปตลอดชีวิตได้ ถ้าเที่ยวตอนช่วงเวลาที่แย่จะทำให้คุณรู้สึกทรมานอย่างที่สุด ถ้าหากคุณกำลังเช่ารถในเชียงใหม่อยู่ละก็ คุณจะยกเลิกทริปกลางคุณไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นขอให้อ่านต่อไปเรื่อยๆ
ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – กลางกุมภาพันธ์): หน้าหนาวถือเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด ด้วยท้องฟ้าที่สดใสและอุณหภูมิช่วงกลางวันก็อยู่ในช่วงระหว่าง 18-20 องศาเซลเซียส อุณภูมิบนยอดดอยอินทนนท์ในบางวันสามารถลดต่ำถึง 5 องศาเซลเซียส เช่นเดียวกับที่บ้านรักไทย
ถ้าคุณอยากสัมผัสอากาศเย็นๆ ละก็ นี่คือเวลาที่คุณต้องการ แต่คุณอาจต้องเตรียมเสื้อผ้าอุ่นๆไปด้วย สำหรับพื้นที่แถวเชียงใหม่หรือปายคุณสามารถพกแค่เสื้อแขนยาวไปได้ แต่ถ้าไปในพื้นที่ที่สูงกว่านี้ คุณควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นมากกขึ้น
ฤดูฝน (กรกฎาคม – ตุลาคม): สำหรับฉันแล้วหน้าฝนนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการเที่ยวตามป่าทึบของภาคเหนือหลังฝนตกนั้นถือว่าสวยที่สุด ส่วนข้อเสียคือแผนกการเที่ยวกลางแจ้งของคุณอาจต้องพังเพราะว่าที่เที่ยวหลายๆที่นั้นปิดให้บริการในหน้าฝนรวมถึงถ้ำและอุทยานแห่งชาติบางแห่งด้วย
ทางภาคเหนือนั้นมีฝนตกหนักแต่โดยปกติมักจะตกแต่วันละไม่กี่ชั่วโมง คุณควรขับรถในช่วงเวลาที่ถนนแห้ง เพราะถนนเปียกแฉะอาจทำให้เกินอุบัติเหตุได้ง่าย และคุณก็คงไม่อยากขับรถตอนฝนตกด้วย
หากคุณอยากมาเที่ยวในช่วงหน้าฝนละก็ ฉันแนะนำให้คุณใช้บริการรถสาธารณะจะดีกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวเพราะฉะนั้นรอบการเดินนรถก็จะน้อยลงด้วย
ฤดูร้อน (กลางกุมภาพันธ์ – มิถุนายน): ฉันไม่เคยเห็นใครแนะนำให้มาเที่ยวช่วงนี้ เพราะมันร้อนและชื้นมาก คุณยิ่งไม่ควรขับรถมอเตอร์ไซต์ในช่วงเที่ยงๆเพราะอาจทำให้คุณเป็นไข้แดดได้
อีกทั้งช่วงนี้ของปียังมีไฟป่าชุกชม โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน สรุปแล้วให้หลีกเลี่ยงการเที่ยวในฤดูนี้ แต่ถ้าหากคุณบังเอิญได้มาที่นี่ ให้คุณพยายามอยู่ในร่มและดื่มน้ำเยอะๆ
เส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอน - การเดินทางของเรา
เชียงใหม่
ครั้งน้ีเป็นครั้งที่สองที่เราได้มาเชียงใหม่ เราเคยทำกิจกรรมบางอย่างบ้างแล้วและไปเที่ยวตามสถานที่ที่เป็นที่นิยมส่วนมากแล้วในทริปก่อนหน้านี้ แต่เชียงใหม่นั้นมีอะไรให้ทำเยอะมากจนคุณเพิ่มสิ่งที่คุณอยากทำได้เรื่อยๆ
ประสบการณ์ที่น่าจดจำที่เชียงใหม่คือเทศการลอยกระทง ผู้คนจะประดับประดาบ้านเรือนและถนนหนทางด้วยโคมไฟและเทียน มีขบวนพาเหรดอันวิจิตรการตาพร้อมการฟ้อนรำทั่วเมืองที่คุณไม่สามารถพลาดได้
เทศกาลโคมยี่เป็งเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่มีแค่ที่เชียงใหม่เท่านั้น ผู้คนจะออกมาเฉลืมฉลองในวันหลังจากวันลอยกระทงหนึ่งวัน เทศกาลโคมยี่เป็งนั้นจะมีการลอยโคมกระดาษจำนวนพันๆดวงขึ้นไปบนท้องฟ้าในตอนกลางคืนซึ่งทำให้มันสวยเหมือนอยู่ในเทพนิยาย น่าเศร้าที่ทางการได้สั่งห้ามไม่ให้มีเทศกาลนี้ตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากโคมที่ลอยขึ้นไปนั้นมักจะเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ตามบ้านเรือนอยู่บ่อยๆ
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปหลายๆที่แล้ว (อ่านรายละเอียดคู่มือการท่องเที่ยวเชียงใหม่ของเราได้ที่นี่) เราได้ไปเที่ยวโป่งยาง จังเกิ้ล โคสเตอร์ และ ซิปไลน์ ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำพอสมควรแต่เป็นกิจกรรมที่ไม่ผาดโผนมากนัก ตั้งอยู่เลยม่อนแจ่มที่เป็นหมู่บ้านของชาวม้งที่คุณไม่ควรพลาดไปเล็กน้อย
นี่คือกิจกรรมที่เป็นที่นิยมในเชียงใหม่:
- วัดต่างๆในเชียงใหม่: วัดเจดีย์หลวง, วัดพระสงห์, วัดเชียงม่าน, วัดอุโมงค์, วัดพระธาตุดอยคำ, วัดสวนดอก
- ดอยสุเทพ: วัดดอยสุเทพ, พระตำหนักภูพิงค์, อุทยานแห่งชาติดอยปุยและหมู่บ้านชาวม้ง
- ตลาดต่างๆในเชียงใหม่: เชียงใหม่ไนท์มาร์เก็ต, ตลาดนัดวันเสาร์เชียงใหม่, ตลอดนัดวัดอาทิตย์เชียงใหม่, เพลินฤดีไนท์มาร์เก็ต
- น้ำตกห้วยแก้ว
- อุทยานหลวงราชพฤกษ์
- เดินเขาขึ้นวัดผาลาด
- ล่องเรือตามแม่น้ำปิง
คุณสามารถเข้าไปติดตามอานรายละเอียดทั้งหมดของการท่องเที่ยวได้ที่บล็อกของเราสำหรับ กิจกรรมในเชียงใหม่ที่ห้ามพลาด
ปาย
การเดินทางจากเชียงใหม่ไปปายจะทำให้หัวใจคุณหยุดเต้นได้ในหลายๆจุด ถนนในช่วง 45 นาทีแรกนั้นค่อนข้างปกติ แต่ในทันทีที่รถเริ่มไต่ขึ้นเขา โค้งต่างๆๆจะทำให้คุณเสียขวัญได้
ถ้าหากว่าคุณเดินทางด้วยรถตู้โดยสารขนาดเล็ก คุณไม่ควรทานอะไรก่อนขึ้นรถ คนส่วนมากเกิดอาการเมารถได้
เคล็ดลับคือการขับช้าๆ ขับรถช้าให้ช้าเหมือนรุ่นคุณปู่ (หรือคุณย่า) แล้วคุณจะปลอดภัย ที่จริงแล้ววิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการขับตามรถคันหน้า (ที่ไม่ใช่รถตู้โดยสารขนาดเล็ก) คนในท้องถิ่นที่คุ้นเคยกับการขับรถบนถนนเส้นนี้จะรู้ว่าจุดไหนที่ควรเร่งความเร็วและจุดไหนที่ควรชะลอความเร็ว
ถ้าคุณอยากหยุดพักระหว่างทาง คุณขอแนะนำให้คุณแวะที่ Coffee We / Witch’s House คุณมาสามารถหาร้านนี้ได้ไม่ยากโดยสังเกตุจากการตกแต่งร้านและที่ร้านนั้นมีห้องน้ำและไวไฟให้บริการ
ช่วง 30 นาทีสุดท้ายก่อนถึงปายนั้นเป็นถนนบนพื้นราบปกติ เวลาในการขับรถทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 4 ชั่วโมง คุณสามารถขับรถต่อไปถึงแม่ฮ่องสอนได้ แต่ฉันแนะนำให้คุณแวะเพื่อพักผ่อนและใช้เวลาที่เหลือของวันที่ปายจะดีกว่า เพราะยังไงก้นคุณก็ระบมเกินกว่าจะขับต่อไปได้อยู่แล้ว
ครั้งนี้เเป็นครั้งที่สองที่เรามาปายเพราะฉะนั้นเราจึงแวะที่นี่ไม่นาน แต่ถ้าคุณเพิ่งเคยมาที่ปายครั้งแรก คุณควรใช้เวลาสัก 2 – 3 วัน เพื่อสำรวจเมืองน่ารักๆแห่งนี้
นี่คือสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อคุณมาปาย:
- หมู่บ้านสันติชล
- จุดชมวิวหยุนไหล
- ปายแคนย่อน
- สะพานไม้ไผ่ปาย
- เจดีย์พระธาตุแม่เย็น
- สะพานประวัติศาสตร์ปาย
- ถนนคนเดินปาย
- บ่อน้ำพุร้อน
ถ้ำน้ำลอด
สภาพภูมิทัศน์จะเปลี่ยนไปเมื่อคุณออกจากปาย ทิวเขารอบๆจะเปลี่ยนจากภูเขาในเขตร้อนที่ดูหนาแน่นไปเป็นนาข้าวสีเขียวอ่อน มีน้ำตกอยู่ 2-3 แห่ง, น้ำพุร้อนไกเซอร์, น้ำพุร้อนและถ้ำอหลายแห่งด้วย
ที่จริงแล้วคุณจะเห็นว่ามีป้ายบอกทางไปตามจุดต่างๆเหล่านี้ที่สามารถแวะได้ตามที่คุณต้องการแต่ที่ฉันแนะนำว่าไม่ควรพลาดคือถ้ำน้ำลอด
ถ้ำน้ำลอดคือกลุ่มถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจให้ได้เห็น ถ้ำนี้เป็นที่นิยมเนื่องจากมีการค้นพบโลงศพของมนุษย์อายุ 1,400 ปีภายในหนึ่งในถ้ำของถ้ำลอด ภายในถ้ำยังพบร้องรอยของสิ่งมีชีวิตที่หาได้ยากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์
ถ้ำน้ำลอดนั้นประกอบด้วย 3 ถ้ำด้วยกัน แต่ช่วงหน้าฝนจนถึงเดือนพฤศจิกายนนั้นเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าได้เพียงถ้ำเดียวเท่านั้น หรือถ้ำทั้งหมดอาจปิดไม่ให้เข้าถ้าฝนตกหนักมาก อีกสองถ้ำ (หนึ่งในนั้นคือถ้ำที่มีการค้นพบโลงศพ) ไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าน้ำขึ้นสูง
เมื่อคุณเข้าไปภายในบริเวณถ้ำ คุณสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่เคาเตอร์ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พาคุณเข้าไป เจ้าหน้าที่จะพาคุณชมถ้ำและอธิบายระบบนิเวศวิทยาภายในถ้ำให้คุณฟัง ระยะเวลาการเดินถ้ำทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 30 นาที ถึง 3 ชั่วโมง (ถ้าคุณเดินครบทุกถ้ำ)
ตัวถ้ำต้องขับรถเข้าไปเป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรจากถนนใหญ่ คุณสามารถเดินทางไปที่ถ้ำได้ด้วยรถส่วนตัวเท่านั้น ถ้าหากว่าคุณมาเที่ยวด้วยบริการรถสาธารณะ ฉันแนะนำให้คุณซื้อทัวร์จากปาย คุณสามารถหาที่พักได้ที่หมู่บ้านใกล้ๆถ้ำหากคุณต้องการค้างคืนที่นี่ ส่วนฉันนั้นแค่แวะงีบในสวนใกล้ๆ
ตามไปดูบล็อคถ้ำน้ำลอดของเรา เพื่ออ่านรายละเอียดทุกอย่างที่คุณต้องรู้สำหรับการไปเที่ยว
บ้านรักไทย
ก่อนที่ฉันจะพูดถึงบ้านรักไทย ฉันอยากจะพูดถึงอีกถ้ำหนึ่งที่เรียกว่าถ้ำปลาที่ตั้งอยู่ก่อนโค้งที่จะถึงหมู่บ้านรักไทย ถ้ำนี่มีชื่อเสียงจากจำนวนปลาและขนาดปลาที่อาศัยอยู่ภายในถ้ำ ถ้าคุณชอบละก็ คุณสามารถแวะเข้าไปชมได้
จากปายมายังบ้านรักไทยใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง และจะนานกว่านั้นถ้าหากคุณแวะเที่ยวที่อื่นระหว่างทาง
บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านที่ฉันชอบมากที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ตรงชายแดนระหว่างไทย-พม่า ทางภาคเหนือของประเทศไทย หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านชาวจีนที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้อพยพชาวยูนาน คุณสามารถพบเห็นรูปภาพที่สวยงามของหมู่บ้านนี้ได้แม้แต่ในเชียงใหม่
หมู่บ้านนี้ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่นอกเส้นทางอีกที่หนึ่งของไทย ฉันเห็นนักท่องเที่ยวรายวันเพียงไม่กี่คนและแทบไม่มีใครพักค้างคืนที่นี่ หมู่บ้านนั้นมีขนาดเล็ก มีโรงแรมและร้านอาหารเพียงไม่กี่แห่ง เรียกได้ว่าทุกคนในหมู่บ้านรู้จักกันหมด
ข้อเสียของที่นี่คือคุณต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการจองที่พัก (เพราะไม่สามารถจองออนไลน์ได้) ทะเลสาปตรงใจกลางหมู่บ้านนั้นเป็นศูนย์รวมของกินกกรมทางการท่องเที่ยวทุกอย่าง อุณหภูมิต่ำถึง 3-4 องศาเซลเซียสระหว่างหน้าหนาวและทั้งหุบเขาปกคลุมไปด้วยหมอก
ฉันคิดว่าที่นี่เป็นที่นี่ยอดเยี่ยมมากแม้กระทั่งสำหรับการมาพักเป็นเวลานานๆในกรณีที่คุณสามารถหาห้องพักถูกๆได้และรักชนบท คุณสามารถเดินเล่นตอนเช้าได้เป็นระยะทางไกลๆ อีกทั้งผู้คนก็เป็นมิตรที่สุด
อ่านบล็อกเกี่ยวกับบ้านรักไทยของเรา สำหรับข้อมูลทุกอย่างที่คุณควรรู้
แม่ฮ่องสอน
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงในการเดินทางจากบ้านรักไทยไปยังแม่ฮ่องสอน แต่มี 2-3 จุดระหว่างทางที่ฉันคิดว่าคุณควรแวะ
หนึ่งในที่ที่คุณไม่ควรพลาดระหว่างทางคือปางอุ๋ง ปางอุ๋งเป็นโครงการในพระราชดำริ มีเขื่อนและทะเลสาปที่ถูกขนานนามว่า “สวิสเซอร์แลนด์แห่งประเทศไทย” อีกที่หนึ่งที่ควรแวะคือสะพานซูตองเป้ ลักษณะค่อนข้างคล้ายสะพานไม้ไผ่ที่ปายที่ทอดยาวจากทุ่งข้าวไปสู่วัดที่อยู่บนภูเขา
นอกจากนั้นก็ยังมีอุทยานแห่งชาติแม่สุรินทร์ที่อยู่ด้านนอกตัวเมืองแม่ฮ่องสอนที่คุณอาจแวะไปเยี่ยมชมได้ คุณสามารถเดินทางจากแม่ฮ่องสอนมาที่นี่แบบวันเดย์ทริปได้อีกด้วย ที่อุทยานแห่งนี้มีชื่อด้านน้ำตกและการเดินป่า
เมื่อคุณมาถึงแม่ฮ่องสอน คุณจะประหลาดใจกับขนาดของเมืองที่ค่อนข้างเล็ก ฉันวาดภาพไว้ว่าเมืองแม่ฮ่องสอนน่าจะเป็นเมืองที่ใหญ่กว่านี้เนื่องจากเป็นเมืองหลักของจังหวัด แต่ฉันเชื่อว่าเมืองเล็กๆนั้นย่อมดีกว่าเมืองใหญ่
มีกิจกรรมไม่กี่อย่างให้คุณได้ทำในเมืองแม่ฮ่องสอน ใจกลางของเมืองที่เป็นที่ตั้งของไนท์มาร์เก็ตก็คือบ้านเรือนและวัดชื่อดังของเมือง อีกทีหนึ่งนั้นตั้งอยู่บนภูเขาที่สามารถมองลงมาเห็นทั้งเมืองได้ คุณต้องแวะไปที่นี่ให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตก
ด้านนอกตัวเมืองมีสถานที่อยู่ 2-3 ที่ถ้าคุณอยากออกไปสำรวจ มีหมู่บ้านของชาวกระเหรี่ยงคอยาวซึ่งคุณสามารถหยุดแวะได้ระหว่างทางที่คุณจะเดินทางไปเมืองต่อไป ฉันคิดว่าคุณสามารถเที่ยวเมืองแม่อ่องสอนได้ภายในเวลา 2 วันถ้าคุณไม่ได้เป็นนักเดินทางที่ชอบเดินทางช้าๆ
คุณสามารถอ่านบล็อกเกี่ยวกับสิ่งที่ห้ามพลาดในแม่ฮ่องสอนของเราได้ แต่บอกตามตรงว่าฉันได้พูดถึงเกือบทุกอย่างแล้วในบล็อกนี้
การเดินทางของเราพาเรามาไกลเพียงเท่านี้ จากนี้เราตัดสินใจว่าเราจะเดินทางย้อนกลับไปทางเดิมเนื่องจากเราเคยไปดอยอินทนนท์มาแล้ว แต่นี่คือวิธีการเที่ยวให้ครบทั้งเส้นทางสำหรับคุณ
แม่สะเรียง/ขุนยวม
จากแม่ฮ่องสอนคุณสามารถเดินทางลงมาทางทิศใต้เพื่อไปยังแม่สะเรียง มีหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างทางเรียกบ้านขุนยวม ถ้าคุณอยากเดินทางน้อยลง คุณสามารถเดินทางไปดอยอินทนนท์ได้จากที่นี่
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆเพื่อมาถึงบ้านขุนยวม และใช้เวลาอีกประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อไปยังแม่สะเรียง จากทั้งสองแห่งไปยังดอยอินทนนท์นั้นใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่าๆกัน
ถ้าคุณเดินทางจากบ้านขุนยวม คุณสามารถแวะที่น้ำตกแม่สุรินทร์และและแวะชมวิวที่ทุ่งดอกบัวตองได้ ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องมีทุ่งดอกไม้สีเหลืองทองกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แต่จะบานในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น
ระหว่างทางไปยังแม่สะเรียงคุณจะเห็นว่ามีจุดชมวิวอยู่หลายจุด คุณสามารถแวะวนอุทยานถ้ำเขียวโกมลและแม่ลาน้อย (บ้านดง) ได้ อุทยานแห่งชาติสาละวินก็ตั้งอยู่ติดกับแม่สะเรียง คุณสามารถเที่ยวแบบวันเดย์ทริปที่นี่ได้ถ้าคุณยังไม่เบื่อการเที่ยวอุทยานแห่งชาติ
ดอยอินทนน์
ตอนนี้คุณสามารถมุ่งหน้ากลับเชียงใหม่เลยก็ได้ถ้าคุณต้องการ ถึงแต่ว่าการขับรถขากลับจะเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนานก็ตาม แต่ถ้าหากว่าคุณยังไม่เคยไปดอยอินทนนท์ คุณไม่ควรพลาดที่จะแวะไป
ดอยอินทนนท์เป็นจุดสูงสุดของประเทศไทยก็จริง แต่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้นกว้างใหญ่มาก นี่คือสถานที่ภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ที่คุณควรไป
- เจดีย์คู่ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลและพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
- ยอดดอยอินทนนท์
- กิ่วแม่ปาน
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา
- บ้านแม่กลางหลวงหรือหมู่บ้านกะเหรี่ยง
- สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
- น้ำตกแม่ยะ
- น้ำตกวชิรธาร
- น้ำตกศรีธาร
คุณามารถพักในห้องพักของอุทยานแห่งชาติ, ตั้งแคมป์ในบริเวณตั้งแคมป์ หรือพักตามหมู่บ้านที่อยู่ระหว่างทางได้ ดอยอินทนนท์มีอากาศค่อนข้างเย็นในช่วงหน้าหนาวเช่นกัน ตอนกลางคืนอุณหภูมิลดลงต่ำได้ถึง 1-2 องศาเซลเซียสในบางวัน เพราะฉะนั้นคุณต้องพกเสื้อกันหนาวไปด้วย และควรสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นขณะขับรถ
ถ้าหากคุณเดินทางโดยใช้บริการขนส่งสาธารณะ คุณสามารถมุ่งตรงกลับเข้าเชียงใหม่ได้เลยหรืออาจจะนั่งรถสองแถวไปเที่ยวหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่งตรงตีนเขาก่ออนก็ได้ จากที่นั่นคุณสามารถมองหาไกด์นำเที่ยวรายวันหรือโบกรถขึ้นดอยอินทนนท์แต่อาจต้องใช้ความพยายามสักหน่อย
สิ้นสุดการเดินทาง
การเดินทางจากดอยอินทนนท์กลับมาเชียงใหม่ถือเป็นการสิ้นสุดการเดินทางของเส้นทางนี้ ถนนหนทางราบเรียบ มาถึงตอนนี้ถ้าคุณไปเที่ยวมาครบทั้งเส้นทางในระยะเวลาที่จำกัดคุณคงหมดแรง ระยะทางการเดินทางทั้งหมดของทริปนี้คือประมาณ 600 กิโลเมตร
แต่การเดินทางนี้จะเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เดินทางไปเห็นสถานที่เหล่านี้ในเมืองไทย ประสบการณ์ที่คุณได้รับและการพบปะพูดคุยกับผู้คนระหว่างเดินทางจะทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไป
สิ่งที่ควรรู้
1. ควรเก็บเบอร์โทรสำคัญๆติดตัวไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โรงพยาบาล, เบอร์ของเจ้าของโรมแรมที่คุณเข้าพักหรือเบอร์ของเพื่อน เพราะในบางพื้นที่ของการเดินทางนั้นการติดต่อสื่อการค่อนข้างเป็นไปอย่างจำกัด แต่เมืองและหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องสัญญานโทรศัพท์ (แม่แต่กระทั่งกับผู้ที่ทำงานระยะไกล)
2. ควรพกบัตรประกันสุขภาพติดตัวไว้เสมอ
3. ควรบอกให้สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนของคุณทราบเสมอว่าคุณอยู่ที่ไหน อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่ของโทรศัพท์หมด เพราะฉะนั้นให้พกแบตเตอรี่สำรองติดตัวเสมอ
4. ใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด เพราะคุณจะโดนแดดเผาได้ง่ายมากในช่วงหน้าหนาว มันจะทำให้คุณไม่สบายตัวเวลาออกไปเที่ยวในวัดถัดไปได้
No Comments