13 Apr ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ประเทศไทย
ประเทศไทยนั้นมีอุทยานแห่งชาติอยู่มากมายหลายแห่ง แต่ละแห่งนั้นมีความสวยงามที่แตกต่างกันไป ที่จริงแล้วประเทศไทยมีอุทยานแห่งชาติทั้งหมด 147 แห่ง นั่นถือว่าเยอะมากๆ
ฉันเพิ่มอุทยานแห่งชาติดอยภูคาเข้ามาอยู่ในรายการของอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุดในไทย ฉันรู้สึกขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ที่ช่วยกันบำรุงรักษาและพัฒนาที่นี่เป็นอย่างดี ทำให้อุทยานนี้นั้นมีความสะดวกสบายและเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเข้ามาตั้งแคมป์ค้างคืนในพื้นที่
การเดินทางมามากพอสมควรทำให้ฉันเข้าใจว่าคนแแถวนี้ชอบมาตั้งแคมป์ที่นี่มากแค่ไหน บางครั้งมากับครอบครัว และแน่นอนว่าการเดินป่าก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยม
ถ้าหากบังเอิญว่าคุณอยู่ในน่าน คุณต้องไม่พลาดอุทยานแห่งชาติดอยภูคา นี่คือทุกอย่างที่คุณควรรู้สำหรับการมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ทำไมต้องมาเที่ยวอุทบานแห่งชาติดอยภูคา
ในขณะที่คนส่วนมากนิยมไปเที่ยวเชียงใหม่และจังหวัดทางแถบตะวันตกของภาคเหนือของไทยนั้น มีนักท่องเที่ยวบางส่วนเท่านั้นที่ไปเที่ยวบริเวณอื่น น่านก็เป็นอีกจังหวัดหนึ่งของไทยที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมมาเที่ยวแต่เป็นจังหวัดที่มีวิวสวยจนทำให้ขากรรไรค้าง
และถึงแม้อุทยานแห่งชาติดอยภูคานั้นจะสวย แต่คนบางส่วนที่นิยมมาที่นี่เพียงเพราะมาอยากมาขับรถเท่านั้น เส้นทางการขับนั้นเริ่มจากเชียงใหม่, ผ่านไปเชียงรายและจากนั้นมาสุดที่น่านซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับควานิยมเป็นพิเศษในหมู่นักขับมอเตอร์ไซต์ เราได้เห็นนักขับมอเตอร์ไซต์หลายสิบคันระหว่างทาง
ถึงกระนั้นคุณก็ควรไปเที่ยวที่นี่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางเที่ยวรอบๆ
อุทยานแห่งชาติดอยภูคาอยู่ที่ไหน
อุทยานแห่งชาติดอยภูคานั้นอยู่ทางตอนเหนือของเมืองน่านห่างออกไป 86 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในจังหวัดน่าน ใช้เวลาในการขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง อุทยานแห่งชาติอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-ลาว และติดกับเมืองหลวงพระบาง
อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของดอยดงหญ้าไวซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงสุดของน่านด้วย จุดสูงสุดนั้นเรียกว่าดอยภูคา มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,920 เมตร
ไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคาได้อย่างไร
ไม่มีระบบขนส่งสาธารณะไปถึงตัวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ปกติแล้วคุณต้องไปด้วยรถส่วนตัวหรือตัวเลือกอื่น นี่คือตัวเลือกบางอย่าง:
กรุ๊ปทัวร์เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา:
ถ้าคุณชอบความสะดวกสบาย, มากับเพื่อนหลายคนหรือมากับครอบครัว, หรืออยากไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภายในหนึ่งวัน การซื้อกรุ๊ปทัวร์หรือทัวร์ส่วนตัวถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทางผู้ให้บริการทัวร์จะไปรับคุณที่โรงแรม พาคุณไปเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆ บางครั้งอาจมีอาหารกลางวันให้ทานฟรี และจะไปส่งคุณกลับที่โรงแรมก่อนพระอาทิตย์ตก สบายหายห่วง!
คุณสามารถจองกรุ๊ปทัวร์ได้ทางออนไลน์ หรือถ้าคุณไม่แน่ใจ คุณสามารถหาบริษัททัวร์ได้ทั่วไปในเมืองน่านหรือลองสอบถามกับทางโรงแรมที่คุณเข้าพักได้
ขับรถมอเตอร์ไซต์:
คุณสามารถหาเช่ามอเตอร์ไซต์ได้ถ้าคุณอยู่ในตัวเมืองน่านคุณสามารถ แต่ฉันต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าเนื่องจากเมืองนั้นไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ทำให้ไม่ค่อยมีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซต์มากนัก แต่ถ้าคุณลองถามกับโรงแรมที่คุณเข้าพักหรือถามกับคนในพื้นที่ อาจพอจะมีคนช่วยคุณได้
หรือคุณอาจสามารถหาร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ได้ที่ โตโน่ รถเช่า หรือ ยามาฮ่าดีลเลอร์ (บางครั้งทางร้านจะนำรถมอเตอร์ไซต์มือสองของทางร้านมาให้เช่า) ที่อยู่ใกล้กับสถานีขนส่งน่านได้หากคุณโชคดี ค่าเช่าต่อวันอยู่ที่ 250 บาทสำหรับมอเตอร์ไซต์ขนาด 125 ซีซี หรือเทียบเท่า ขึ้นอยู่กับมอเตอร์ไซต์ อย่าลืมเช็คว่ารถมอเตอร์ไซต์อยู่ในสภาพดีก่อนเช่า
ถ้าคุณกำลังวางแผนที่จะขับเที่ยวในเส้นทางที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้ที่อาจต้องขับไปหลายๆเมือง ฉันอยากแนะนำให้คุณเริ่มเส้นทางจากเชียงใหม่และมาสิ้นสุดเส้นทางที่น่าน เส้นทางนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สุดยอดมาก แต่ว่าค่อนข้างจะใช้เงินเยอะพอสมควร มีบริษัททัวร์และกลุ่มนักขับมอเตอร์ไซต์บางกลุ่มที่ร่วมมือกันทำกิจกรรมนี้
การเช่ารถยนต์:
โชคยังดีที่การหารถเช่าในน่านนั้นทำได้ง่ายกว่าการหาเช่ามอเตอร์ไซต์มาก การเช่ารถนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าหากว่าคุณเดนทางมากับครอบครัว และยังเป็นตัวเลือกที่ฉันแนะนำถ้าคุณเดินทางมาในหน้าฝน
คุณยิ่งอยากจะขับรถถ้าหากว่าคุณวางแผนที่จะนำอุปกรณ์แคมปิ้งมาด้วย หรืออยากจะค้างคืนที่อุทยานแห่งชาติสัก 1-2 คืน หรือแม้กระทั่งในกรณีที่คุณวางแผนที่จะขับรถเที่ยวในเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งที่ฉันเกริ่นไว้ข้างต้น การขับรถก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมอยู่ดี
คุณสามารถเช่ารถออนไลน์ได้ทาง vipcars.com หรือ jetcost.co.th หรือคุณอาจหาร้านช้่ารถในน่านหรือตามโรงแรมที่คุณเข้าพักได้เช่นกัน ค่าเช่ารถยนต์ต่อวันนั้นเริ่มตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไปแล้วแต่ชนิด, ขนาด และประเภทของรถ
นั่งรถสองแถวไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคา:
สำหรับใครที่อาศัยอยู่แถบอำเภอปัว (มีรายละเอียดในส่วนของที่พัก) จะมีรถสองแถวให้เช่าแบบเหมาคันได้ คุณสามารถหาเช่ารถสองแถวได้ที่บริเวณ 3 แยกตัวที ใกล้กับสนามกีฬาพญาผานอง ค่าเช่าต่อเที่ยวราคา 500 บาท ส่วนค่าเช่าเหมาหนึ่งวัน แวะได้เที่ยวได้หลายทีราคา1,500 บาท
เที่ยวช่วงไหนดีที่สุด
หน้าหนาว (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์): นี่คือหนึ่งในสองฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา อุณภูมิช่วงนี้จะต่ำที่สุดของปี ระหว่างวันอยู่ที่ประมาณ 16-18 องศาเซลเซียส และอาจลดลงไปอยู่ที่ 2-3 องศาเซลเซียสในช่วงกลางคืน อากาศช่วงนี้จะค่อนข้างแห้งและมีความชื้นต่ำที่สุด หน้าหนาวยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวจังหวัดในแถบภาคเหนือ อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าสำหรับกันหนาวไปด้วย
ดอยภูคานั้นเป็นแหล่งที่อยู่ของพันธุ์ไม้หายากที่ใกล้สูญพันธุ์ที่มีชื่อว่า ต้นชมพูภูคา ดอกของต้นไม้ชนิดนี้จะบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ดอกที่มีมีสีชมพูอ่อนนั้นทำให้ต้นนี้ดูเหมือนต้นซากุระ พยายามมองหาต้นไม้ชนิดนี้ถ้าคุณไปเที่ยวที่นี่ในช่วงหน้าหนาว
หน้าฝน (กรกฎาคม – ตุลาคม): โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบหน้าฝน อีกทั้งช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวดอยภูคาด้วย คุณจะได้เห็นหมอกลอยอยู่ในพื้นที่เกือบทั้งวันและป่าไม้ก็ดูมีชีวิตชีวา ซึ่งฉันคิดว่าคุณจะได้เห็นอุทยานแห่งชาติในช่วงเวลาที่สวยที่สุด แต่คุณจะทำแบบนี้ได้ก็ต่อเมื่อคุณทนเปียกได้สบายๆ
อยากบอกไว้ก่อนว่าฝนของที่นี่นั้นคาดเดาเวลาตกได้ยากแต่ก็ไม่ได้ตกตลอดทั้งวัน ฝนตกชุกมากในช่วงเดือนสิงหาคมและพื้นที่แถวๆตัวเมืองน่านนั้นก็เกิดน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มได้ง่ายในช่วงนี้ ช่วงกลางวันจะร้อนและชื้น
หน้าร้อน (มีนาคม – มิถุนายน): ช่วงหน้าร้อนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุดสำหรับการไปเที่ยวภาคเหนือของไทยและรวมถึงน่านด้วย อุณภูมิจะพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบปีและความชื้นก็สูงมาก ทำให้การเที่ยวกลางแจ้งนั้นยากลำบาก
คลื่นความร้อนเกิดขึ้นได้เป็นปกติในช่วงนี้และสามารถทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าหากคุณมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อน คุณควรเดินทางด้วยรถยยนต์หรือรถที่มีหลังคา หรือออกไปข้างนอกในช่วงที่อากาศเย็นลงแล้วเท่านั้น
ที่พักในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ถ้าคุณมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาละก็ ฉันอยากแนะนำให้คุณค้างคืนที่นี่อย่างน้อยหนึ่งคืน โดยมากแล้วอากาศที่นี่จะดีตลอดทั้งปีและวิวในตอนรุ่งเช้าก็สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์
ถ้าหากคุณจะมาที่นี่ในช่วงหน้าหนาว, วันหยุดยาว, หรือช่วงสุดสัปดาห์ คุณควรจองที่พักล่วงหน้าไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีที่พัก นี่คือตัวเลือกของที่พักบางส่วน
การตั้งแคมป์
ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคานั้นมีพื้นที่ให้ตั้งแคมป์ไว้เป็นสัดส่วนสำหรับคนที่อยากมาแคมปิ้งที่นี่ หากคุณมีอุปกรณ์แคมปิ้งมาเองคุณก็สามารถตรงไปยังสถานที่ตั้งแคมป์ได้เลย ซึ่งคุณต้องเสียค่าตั้งแคมป์ 30 บาท
หรือถ้าหากว่าคุณอยากมาเช่าอุปกรณ์กับทางอุทยาน คุณก็สามารถเดินเข้าไปยังพื้นที่ทางการของอุทยานและไปติดต่อกับส่วนที่พัก จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอยู่ ค่าเช่าเต้นท์หนึ่งหลังอยู่ที่ประมาณ 250-300 บาท ต่อคืน เบาะรองนอนและผ้าห่มก็มีให้เช่าอยู่ในจุดเดียวกัน
ภายในพื้นที่ตั้งแคมป์มีห้องน้ำรวม, ห้องอาบน้ำรวม และจุดให้ชาร์ตแบตเตอรี่เพื่อชาร์ตอุปกรณ์ไฟฟ้าของคุณด้วย
ห้องพักและบังกะโล
ภายในบริเวณอุทยานมีห้องพักแบบธรรมดาไว้บริการด้วย ซึ่งทำให้การมาเที่ยวในช่วงหน้าฝนนั้นค่อนข้างสะดวกถ้าคุณอยากพักในที่พักที่มีหลังคาที่มั่นคงแข็งแรง แต่ฉันจะไม่พูดว่ามันดีกว่าการพักในเต้นท์ ห้องพักนั้นเป็นห้องแบบเตียงคู่ ไม่มีปลั๊กไฟ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น คุณต้องใช้ห้องน้ำและปั๊กไฟนั้นเป็นแบบรวมซึ่งอยู่ด้านนอกห้องพัก ค่าห้องราคา 300 บาทต่อคืน
ห้องที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก, มีห้องน้ำในตัว, มีเครื่องทำน้ำอุ่นและอุปกรณ์อาบน้ำให้นั้นมีราคาตั้งแต่ 800-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง
ถ้าคุณมากันหลายๆคนหรือมากับครอบครัว ฉันอยากแนะนำให้คุณพักบ้านแบบบังกะโล นอกจากจะมีพื้นที่กว้างขวางแล้ว บ้านแบบบังกะโลยังมีลานจอดรถแยกต่างหากและอาจได้บ้านที่มีวิวสวยๆด้วย ค่าบ้านบังกะโลอยู่ที่ 3,500 บาทต่อคืน
ถ้าคุณมาเที่ยวในวันธรรมดาตั้งแต่วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี คุณจะได้รับส่วนลดค่าห้อง 20% (หรือมากกว่านั้น) ฉันแนะนำให้คุณจองห้องพักทางออนไลน์ล่วงหน้าในเว็บไซต์ของอุทยาน
อำเภอปัว
ปัวนั้นเป็นอำเภอเล็กๆ ตั้งอยู่ค่อนข้างในชนบทตรงตีนเขาของอุทยานแห่งชาติดอยภูคาถ้าคุณเดินทางมาจากน่าน ที่นี่มีชื่อเสียงจากทุ่งข้าวสีเขียวอ่อนที่มีป่าเขตร้อนชื้นเป็นวิวอยู่ด้านหลัง
ปัวเป็นตัวเลือกที่เยี่ยมยอดถ้าคุณอยากจะสัมผัสกับบรรยากาศชนบททางภาคเหนือของไทย ภายในพื้นที่มีรีสอร์ทดีๆที่เปิดให้บริการอยู่ด้วย
นี่คือตัวเลือกบางส่วนที่คุณอาจชอบ
Pua Tranquil Vista Homestay, Nan, Thailand
Vieng pua homestays (ชนบท)
อำเภอบ่อเกลือ
เช่นเดียวกับปัว บ่อเกลือนั้นเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของอุทยานแห่งชาติไปทางชายแดนนประเทศลาว ถ้าคุณเดินทางเป็นวงกลม จากที่นี่คุณสามารถเดินทางกลับเข้าน่านได้ด้วย
ที่นี่มีที่พักแบบโฮมสเตย์และบ้านแบบชนบทให้พักอยู่หลายที่ บ่อเกลือจะเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณอยากมาพักที่นี่สักหนึ่งคืนหลังจากเที่ยวดอยภูคามาทั้งวันและอยากจะเที่ยวอุทยานอีกในวันถัดไป
นี่คือตัวเลือกบางส่วนสำหรับการพักที่นี่ แย่หน่อยตรงที่ที่พักส่วนมากนั้นไม่สามารถจองออนไลน์ได้ แต่คุณสามารถโทรหรือส่งข้อความทางเฟสบุ๊คแทนได้
อาหารการกินภายในอุทยานแห่งชาติ
เราเห็นร้านอาหารเพียงร้านเดียวเท่านั้นภายในเขตอุทยานแห่งชาติ ร้านตั้งอยู่ติดกับส่วนราชการของอุทยานเมื่อคุณเข้ามาในพื้นที่หลัก คุณสามารถทานอาการที่นี่ได้ รสชาติไม่แย่ในความคิดฉัน
อาหารนั้นมีราคาพอๆกับเวลาคุณไปทานอาหารตามร้านอาหารเล็กๆ ร้านอาหารนี้เปิดตั้งแต่ 7:00 น. – 18:00 น. และเปิดถึง 20:00 น.ในช่วงฤดูท่องเที่ยว
คุณสามารถหยุดหาร้านอาหารในปัวทานได้ก่อนที่คุณจะขึ้นมาที่อุทยานและแวะที่บ่อเกลือเมื่อคุณกลับลงไปจากอุทยาน ควรนำอาหารไปเผื่อไว้ทานระหว่างเดินทางด้วย โดยเฉพาะน้ำดื่ม ฉันแทบไม่เห็นร้านขายของริมทางในเขตอุทยานเลย
เวลาเปิดทำการของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
อุทยานไม่มีเวลาเปิดทำการที่แน่นอน คุณสามารถเดินทางเข้าและออกบริเวณอุทยานเวลาไหนก็ได้
แต่หากถ้าคุณไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่มาตามฤดูการหรือไม่ใช่คนท้องถิ่น ฉันอยากแนะนำว่าไม่ควรขับรถในช่วงกลางคืนเพราะถนนนั้นมีโค้งหักศอกอยู่หลายจุด
ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่/เด็ก: 200/100 บาท
ค่าเข้าสำหรับชาวต่างไทย ผู้ใหญ่/เด็ก: 40/20 บาท
ค่าจอดรถมอเตอร์ไซต์: 30 บาท
ค่าจอดรถยนต์: 20 บาท
อุทยานแห่งชาติดอยภูคามีอะไรให้ดูบ้าง
ถ้าให้พูดตามความจริงคือ ภายในอุทยานแห่งชาตินั้นไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำมากนัก แต่นอกเหนือไปจากการได้ดูวิวสวยๆแล้ว ก็มีบางอย่างที่คุณสามารถทำได้
เดินป่าไปตามเส้นทางธรรมชาติแบบวงกลม
เส้นทางเดินป่าแบบธรรมชาติที่มีความยากระดับกลางนั้นได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวอุทยาน เส้นทางนี้เริ่มต้นตรงฝั่งตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ทีแผนที่ขนาดใหญ่แสดงรายละเอียดของเส้นทางตั้งอยู่ ใช้เวลาเดินทั้งเส้นทางประมาณ 2 ชั่วโมงสำหรับคนทั่วไป
ระหว่างทางนั้นมีจุดที่ต้องปีนป่ายพอสมควร คุณควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตรงจุดบริการนักท่องเที่ยวให้ทราบไว้ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง
คุณควรสวมรองเท้าสำหรับเดินป่า ไม่ควรสวมรองเท้าแตะ และไม่ควรเดินป่าในหน้าฝนเนื่องจากจะมีปลิง, ทาก และสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ ที่คุณอาจไม่ชอบเยอะ
จุดชมวิวและเส้นทางธรรมชาติ 1715
จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่มีพื้นที่ใหญ่มาก ซึ่ง 1715 ก็คือระดับความสูงจากน้ำทะเล นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมแวะที่นี่เพื่อถ่ายภาพ ที่นี่มีพื้นที่ให้ตั้งแคมป์อยู่ใกล้ๆด้วย เพียงแต่คุณต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับตั้งแคมป์มาเอง เส้นทางเดินทางธรรมชาตินั้นเริ่มตั้งแต่ตรงด้านหลังของที่ทำการและเรื่อยไปเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตรสุดทางที่หมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่ง
ถ้ำ
บริเวณอุทยานมีถ้ำอยู่ 2-3 แห่ง แต่มีเพียง 2 แห่งที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว นั่นคือถ้ำผาผึ้งและถ้ำหมา จากอุทยานมีถนนรถวิ่งให้คุณสามารถขับรถไปถ้ำหมาได้และมีทางเดินป่าไปได้ด้วย ซึ่งเส้นทางการเดินป่านั้นเป็นคนละเส้นทางที่แยกจากทางหลวง
ถ้าคุณอยากไปเที่ยวถ้ำ คุณควรสอบถามกับเจ้าหน้าที่ดูและอุทยานเพื่อสอบถามรายละเอียดของเส้นทาง การเดินทางไปถ้ำนั้นไม่สามารถทำได้เด็ดขาดในช่วงหน้าฝนและอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้เนื่องจากถ้ำมักมีน้ำขึ้นสูง
บ่อเกลือสินเธาว์
บ่อเกลือเหล่านี้นั้นจริงๆแล้วอยู่ด้านนอกบริเวณอุทยานในเขตอำเภอบ่อเกลือที่ตั้งอยู่ทางขาลงจากอุทยาน ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นแหล่งผลิตเกลือที่มีความสำคัญมากที่ผลิตเกลือจากน้ำเค็มที่ดูดขึ้นมาจากใต้ดินและนำมาผึ่งให้แห้งในโรงเกลือเพื่อที่จะผลิตเป็นเกลือ ในสมัยดึกดำบรรพ์นั้นมีชนเผ่าหลายเผ่าที่ต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อที่จะได้ครอบครองพื้นที่บริเวณนี้
เมื่อก่อนได้มีการส่งเกลือไปขายในภาคอื่นๆของประเทศไทย, ลาว และแม้กระทั่งประเทศจีน แต่ทุกวันนี้นั้นที่นี่เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น นอกเหนือจากการเที่ยวชมนาเกลือและวิธีการทำเกลือแบบโบราณแล้ว คุณยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์พื้นเมืองชั้นเยี่ยมเช่นกาแฟและน้ำผึ้งที่ผลิตโดยชาวบ้านได้ด้วย
ด้านหลังหมู่บ้านยังมีลำธารเล็กๆที่มีสะพานไม้ไว้ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและถ่ายภาพ ปกติที่นี่จะมีแค่คนในพื้นที่เท่านั้น
อุทยานแห่งชาติขุนน่าน
หลังจากที่ลงจากอุทยานแห่งชาติดอยภูคามาตามทางหลวง คุณจะมาเจอกับสามแยกตัวที มีด้านหนึ่งเป็นทางไปน่าน และอีกด้านหนึ่งขึ้นไปทางเหนือซึ่งเป็นทางไปอุทยานแห่งชาติดอยขุนน่าน
นี่ที่เป็นอีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติที่สวยงามด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล พื้นที่อุทยานนั้นมีพื้นที่ป่าบางส่วนร่วมกับดอยภูคา
มีน้ำตกสวยๆ 3 แห่ง ที่เหมาะสำหรับลงไปเล่นในวันสบายๆ
น่าเสียดายที่อุทยานแห่งชาตินี้ไม่ค่อยมีสถานที่และอุปกรณ์ที่พร้อมเหมือนที่อื่น ภายในบริเวณอุทยานมีพื้นที่ให้ตั้งแคมป์แต่คุณต้องนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปเอง และยังไม่มีห้องพักและร้านอาหารไว้บริการ ดังนั้นคุณต้องเตรียมของทั้งหมดไปเอง อุณภูมิในหน้าหนาวนั้นหนาวมาก โดยอุณภูมิสามารถลดลงอยู่ที่ประมาณ 1-7 องศาเซลเซียสได้
ควรเตรียมอะไรไปบ้าง
ถึงแม้ว่าสิ่งของต่างๆที่ต้องเตรียมไปนั้นมักจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่คุณไปเที่ยว แต่ก็มีของจำเป็นบางอย่างอาจมีประโยชน์ที่คุณควรนำติดตัวไป
เสื้อผ้าอุ่นๆ: นี่คือสิ่งที่จำเป็นถ้าคุณไปเที่ยวในช่วงหน้าหนาว รวมถึงเสื้อกันหนาวหนาๆหรืออาจเป็นเสื้อผ้าหลายชิ้นที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและเสื้อกันหนาวแขนยาว ถ้าคุณขับรถจักรยานยน์ คุณอาจอยากนำถุงมือและเครื่องกันหนาวอย่างอื่นเช่นผ้าพันคอ, ถุงเท้าและหมวกไปด้วยเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเวลาขับรถ แน่นอนว่าคุณไม่ต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้ไปหากคุณไปเที่ยวในช่วงฤดูอื่น
อุปกรณ์กันฝน: ถ้าคุณไปเที่ยวในช่วงหน้าฝน คุณจำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับกันฝนไปด้วย เสื้อกันหนาวสำหรับสวมคลุมด้านนอก และควรสวมเสื้อผ้าที่แห้งง่ายด้วย คุณควรมีเป้เดินทางแบบกันฝนหรือหาผ้าคลุมเป้แบบกันฝนสำหรับคลุมเป้ สวมกางเกงขาสั้นเพื่อป้องกันกางเกงเปียกเสียหาย
อาหารและเคaåรื่องดื่ม: ถ้าคุณวางแผนที่จะค้างคืนที่อุทยาน คุณควรเตรียมอาหารและน้ำดื่มไปด้วย บางครั้งอาหารภายในอุทยานก็หายาก อีกทั้งคุณคงไม่อยากนอนทั้งๆที่ท้องหิวเพราะร้านอาหารปิด และอย่าลืมเตรียมถุงสำหรับใส่ขยะเพื่อนำขยะกลับออกมาทิ้งเมื่อคุณกลับจากอุทยานด้วย หรือทิ้งขยะให้ถูกต้อง ในบริเวณอุทยานไม่มีร้านเซเว่นอีเลเว่นให้บริการ
น้ำมัน: ไม่มีปั๊มน้ำมันภายในบริเวณอุทยาน ถ้าคุณขับรถไปคุณควรเติมน้ำมันให้เต็มถังหรือมีน้ำมันสำรองเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน
เงินสด: ไม่มีตู้เอทีเอ็มหรือธนาคารในบริเวณใกล้เคียงกับอุทยาน เพราะฉะนั้นคุณควรเตรียมเงินสดไปให้พอ
No Comments